โลกสวยที่มองไม่เห็น
ชวนพูดคุยกับหนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมาย ของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
คนตาบอดสามารถพบเห็นความสวยงามในชีวิตได้อย่างไรถ้าหากมองไม่เห็นด้วยตา ? เพราะในวิชาสุขศึกษาบอกว่า คนต้องเกิดมามีอวัยวะครบทั้ง 32 ประการจะเกิดอะไรขึ้นหากทั้งชีวิตเรามองไม่เห็น ความเป็นอยู่ที่ลำบาก การเดินข้ามถนนที่รถอาจชนได้ตลอดเวลา ถ้าเวลาอาบน้ำมองไม่เห็นก้อนสบู่ ความลำบากขั้นพื้นฐานคือการใช้ชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากนั้นยังถูกกดดันด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคมกับคนตาดี ทั้งในบ้าน ที่ทำงาน การมีชีวิตอยู่แบบคนพิการว่ายากแล้ว แต่ทำไมยังพบว่ามีการเลือกปฏิบัติต่อคนตาบอดอีกมากมาย วันนี้ ไทยแอ็ค ชวนพูดคุยกับหนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมาย ของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย นายพีรพงศ์ จารุสาร
ทำไมคนตาบอดไม่นอนอยู่บ้าน ออกมารวมกันเป็นสมาคมได้อะไร ?
คนทั่วไปในสังคมล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความแตกต่างหลากหลาย ทีนี้พอเราพูดถึงปัญหา หรือความต้องการที่จำเป็นของคนกลุ่มเล็ก ๆอย่างคนตาบอดเนี่ย คนส่วนใหญ่จะนึกไม่ออก แต่มันจำเป็นต้องมีพื้นที่ในสังคมให้คนกลุ่มเล็ก ๆ พวกนี้ได้อธิบายถึงความต้องการ ถึงสิทธิหน้าที่ที่พึงมีพึงได้ ทีนี้ถ้าหากเราพูดอยู่คนเดียวในบ้าน คนฟังก็จะมีแค่พ่อแม่ญาติพี่น้อง คนฟังมีอยู่ไม่กี่คน พอออกมานอกบ้านเสียงคนคนเดียวพูดก็เบาเกินกว่าจะให้ใครได้ยิน ฉะนั้นเราจึงเห็นว่าให้คนที่มีความต้องการเหมือน ๆ กันมารวมตัวกัน จะเป็นรูปแบบไหนก็ได้ แล้วก็พร้อมใจกันพูด มันจะประสบความสำเร็จได้มากกว่า
: สถานการณ์หลังรวมกลุ่มกันพบว่า ?
พบว่าการดำรงชีวิตของพวกเราไม่เป็นอุปสรรคมากหรอกครับ แต่เรื่องสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะ เรื่องความเข้าใจต่อคนพิการในบ้านเมืองเรายังมีปัญหาอยู่มาก อย่างเรื่องการเลือกปฏิบัติกับผู้พิการในประเทศไทยนี่รุนแรงมาก ที่บอกว่ารุนแรงเพราะว่า ปัจจุบันมันมีความซับซ้อนในแบบที่ คนที่ถูกเลือกปฏิบัติก็ไม่รู้ตัว โดยเข้าใจว่านั่นคือความหวังดี รูปธรรมง่าย ๆ เช่น คนตาบอดไปเปิดบัญชีธนาคาร พอจะทำบัตรเอทีเอ็ม ส่วนใหญ่คนตาบอดจะถูกปฏิเสธ ด้วยความหวังดีกลัวลำบากในการทำธุรกรรม ใครจะช่วย มันอันตราย แต่ไม่ได้คิดจะปรับปรุง หรือพัฒนาระบบตู้กดให้อำนวยความสะดวกแก่คนทุกกลุ่มในสังคม หรืออีกกรณี คนตาบอดซึ่งเป็นลูกจ้างในบริษัทตามโควต้าผู้พิการตามกฎหมาย แทนที่จะมีรายได้ตามเงินเดือนขั้นพื้นฐาน แต่กลับคิดว่าเป็นการจ้างเพื่อ "เอาบุญ" เลยทำข้อตกลงกันว่าไม่ต้องมาทำงานรับเงินเดือนครึ่งเดียว หรือส่วนเดียวก็พอ ทั้งที่บริษัทสามารถเอาค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้พิการนี้ ไปลดหย่อนภาษีได้ตั้งสองร้อยเปอร์เซ็นต์ มันกำไรเห็น ๆ เเล้วทำไมจึงบอกว่าเอาบุญ พวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐานมาก เพราะผมก็ไม่รู้ว่าคนตาบอดในโลกนี้ทำอะไรไม่ได้บ้าง เพราะเราก็ทำได้ทุกอย่างแล้วจะไม่ให้เขามีสิทธิรับเงินเดือนหมื่นห้าบ้างหรือ ? ผมถึงย้ำว่าสถานการณ์การถูกเลือกปฏิบัติในกลุ่มคนตาบอดรุนเเรงมาก เพราะคนที่ถูกเลือกปฏิบัติไม่รู้ตัว เป็นการเล่นงาน หรือถูกจำกัดสิทธิอย่างแยบยล
เช่นนั้นเเล้ว กระบวนการทำงานของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เป็นยังไง ?
มันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้มารับบริการ ถ้าเขาต้องการแค่คำปรึกษาเรายินดีให้ อยากได้ข้อมูลอยากรู้กฎหมาย ให้เราส่งให้ทางไปรษณีย์หรือทางอีเมลเราจัดการให้ อยากไปแจ้งความ เรามีคนบันทึกเรื่องแล้วช่วยดำเนินการให้หรืออยากฟ้องคดีต่อศาลเราก็ยินดีติดต่อ จัดหาทนายให้ รวมถึง การเผยเเพร่ข้อมูลสิทธิประโยชน์เช่นเรื่องบัตรผู้พิการ เราก็ช่วยพาไปดำเนินการได้ หมายความว่าเราไม่ใช่แค่หน่วยบริการรับเรื่องร้องเรียน หรือดำเนินการทางกฎหมายอย่างเดียว เราให้ความรู้ด้วย ตอนนี้เรากำลังให้ความสำคัญ และมีการเปิดสอนผู้พิการทางสายตา เรื่องการทำนิติกรรมสัญญาที่ไม่บกพร่องของคนตาบอด ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถทำนิติกรรมสัญญาได้ ด้วยตัวเองและมีผลทางกฎหมายโดยสมบูรณ์
หมายความว่าก่อนหน้านี้มีประเด็นนี้เกิดขึ้น ?
ใช่ เราศึกษาพบว่า การทำสัญญาของคนตาบอดเริ่มมีปัญหา บางทีคนตาบอดทำงานเก็บเงินมีเงินเก็บซักหน่อย ถูกญาติพี่น้องเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานหยิบยืมไปแบบใจเชื่อใจไม่ต้องทำสัญญา หรือสัญญาก็ทำไปส่ง ๆ แล้วพอเกิดปัญหามาหาเราก็ช่วยอะไรไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นทิศทางต่อไปของสมาคมคนตาบอด จะเป็นอย่างไร
ที่ถาม ๆ มานี่คำถามนี้ง่ายสุด ตอบได้สั้น ๆ ว่า เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่เราให้ความหมายว่า เมื่อมีการพัฒนาหรือมีการจัดสรรทรัพยากร คนทุกคนจะต้องได้รับประโยชน์จากการจัดสรรทรัพยากรตรงนั้นด้วยเพราะต่อไปประชาชนทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะแค่คนตาบอดจะมีความรู้ และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ไอ้ประเภทให้รู้ความจริงครึ่งเดียวหรือปิดหูปิดตาเนี่ย จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นทิศทางนี้เป็นแก่นและแกนสำคัญในการทำงานของพวกเราด้วยเช่นกัน
สุดท้ายมีอะไรจะฝากถึงพวกคนตาดีบ้าง
การอยู่ร่วมกันมันมีศิลปะของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง ธรรมชาติคนเราจะชอบอยู่ร่วมกับคนที่มีอะไรคล้ายคลึงกัน แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ และแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะสังคมนี้มีความแตกต่างหลากหลายในตัวบุคคลอย่างมาก ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าให้ท่านมองคนทุกคนให้เท่ากันนะ แต่ผมกำลังจะบอกให้ท่านกล้า กล้าที่จะอยู่ร่วมกันกับคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย กล้าที่จะอยู่ร่วมกับคนที่ไม่เหมือนท่าน แล้วจะพบว่าโลกใบนี้มันสวยงามจริง ๆ ลองมีเพื่อนเป็นคนตาบอดดูบ้าง ลองทำสิ่งใหม่ที่ไม่คิดจะทำดูบ้าง รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย อยู่ร่วมกับคนหลากหลายลองชวนคนตาบอดไปดูหนังบ้างก็ได้ ส่วนเขาจะดูยังไงก็เรื่องของเขา ก็ลองทำความเข้าใจทำความรู้จักกันไป ผมว่าอย่างนี้สังคมมันจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขอย่างที่ฝรั่งเขาว่า inclusive society