เรื่องเล่าจากชุมชน ตอน ผู้สูงอายุ
ประสบการณ์จากอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน โดยมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ การล่วงละเมิดหรือกระทำความรุนแรงต่อผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ สภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงัน รวมไปถึงนโยบายบางประการ ที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้สูงอายุ
เนื่องในวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้สูงอายุโลก 15 มิถุนายน (World Elder Abuse Awareness Day) มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ได้มีโอกาสพบกับคุณสมชาย สุภารัตน์ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านและอาสาสมัครพิทักษ์สิทธิ์ ชุมชนบ้านใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ชักชวนมาพูดคุยถึงบทบาทหน้าที่ในการดูแลผู้สูงอายุ และปัญหาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุที่ตนได้พบเจอ
ด้วยวัย 62 ปี ลุงสมชายเท้าความให้เราฟังว่า "ด้วยความที่มีพื้นเพนิสัยชอบพูดคุยพบปะกับผู้คนอยู่แล้ว ในสมัยยังหนุ่ม หากมีเวลาว่างก็ได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านหรือคนในชุมชน เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เป็นประจำ และเมื่อพบเห็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ก็จะเข้าไปพูดคุยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับผู้สูงอายุ หรือช่วยดูแลงานบ้าน อาสาทำธุระให้บ้างตามแต่โอกาส"
จากการที่ได้คลุกคลีกับผู้สูงอายุนี้เอง จึงทำให้ลุงสมชายได้รับรู้ถึงปัญหาของผู้สูงอายุมาโดยตลอด ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ หรือการล่วงละเมิด และปัญหาความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แต่ในขณะนั้น ลุงสมชายเองยังไม่ได้ตระหนักว่าปัญหาความรุนแรงดังกล่าวเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของผู้สูงอายุโดยตรง โดยเข้าใจเพียงว่าเป็นปัญหาภายในของครอบครัว และด้วยความที่เป็นคนนอกจึงทำได้เพียงรับฟังปัญหาจากผู้สูงอายุเท่านั้น
ต่อมาในปี 2553 ลุงสมชาย ได้มีโอกาสร่วมงานกับมูลนิธิฯ ในโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน และได้รับการอบรมความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงเรื่องสิทธิของผู้สูงอายุด้วย จึงทำให้ลุงสมชายได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงและการละเมิดสิทธิของผู้สูงอายุ และเข้าใจถึงรูปแบบต่างๆ ของความรุนแรงที่มีต่อผู้สูงอายุ ทั้งการทำร้ายร่างกาย การทำร้ายจิตใจ การล่วงละเมิดทางเพศ การหลอกลวงหรือแสวงหาผลประโยชน์ทางทรัพย์สิน และการละเลยหรือการทอดทิ้งผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังได้รู้จักวิธีการพูดคุยเพื่อค้นหาปัญหา เนื่องจากในสังคมไทยปัญหาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่เกิดจากคนในครอบครัว ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องภายในและเป็นเรื่องน่าละอาย ผู้สูงอายุจึงมักละเว้นไม่พูดถึง
จากบทบาทของอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่ได้ปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ลุงสมชายได้ใช้ประสบการณ์และความรู้จากการอบรมคอยให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาความรุนแรงและการถูกละเมิดสิทธิได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะด้วยการพูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัว การไกล่เกลี่ย หรือประสานงานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานในท้องถิ่น หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคมประจำจังหวัด เป็นต้น
“ส่วนใหญ่แล้วในชุมชนที่ตนดูแลอยู่ ผู้สูงอายุมักจะถูกทอดทิ้งโดยไม่ตั้งใจ เพราะลูกต้องไปทำงาน มีทั้งไปทำงานในช่วงกลางวันและกลับมาดูแลในตอนค่ำ หรือผู้สูงอายุบางคนต้องอยู่ตามลำพังเพราะลูกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ถึงแม้จะเกิดจากความจำเป็น แต่การถูกทอดทิ้งโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ก็ทำให้ผู้สูงอายุไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร สร้างความเครียด ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าลูกไม่รักหรือไม่ดูแล และสร้างความกังวล รู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต นับว่าเป็นความรุนแรงต่อจิตใจผู้สูงอายุในรูปแบบหนึ่งที่อาจทำให้ผู้สูงอายุมีอาการซึมเศร้าได้” ลุงสมชายได้แบ่งปันประสบการณ์กรณีความรุนแรงต่อผู้สูงอายุให้เราฟัง
นอกจากนั้นในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดนี้ ลุงสมชายเล่าว่า ได้สังเกตเห็นปัญหาความรุนแรงที่เกิดจากคนในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากความเหนื่อยล้า ที่ต้องดูแลผู้สูงอายุตลอดเวลา และความเครียดจากการงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง
ลุงเจอกรณีหนึ่ง ที่ผู้สูงอายุช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ถูกลูกตำหนิแรง ๆ เพราะขับถ่ายเลอะเทอะ ทำให้ต้องเหน็ดเหนื่อย เป็นภาระดูแลและสิ้นเปลืองเงินทองซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ คำพูดตำหนิแบบนั้น ทำให้ผู้สูงอายุถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ลุงก็ได้เข้าไปช่วยพูดคุย ไกล่เกลี่ย ปรับความเข้าใจให้ทั้งคู่ และอาสามาดูแลผู้สูงอายุเพื่อแบ่งเบาภาระ และก็ประสานความช่วยเหลือ เช่น บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้สูงอายุ
ในตอนท้ายของการพูดคุยครั้งนี้ ลุงสมชายได้ย้ำกับเราว่า ปัญหาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของผู้สูงอายุโดยตรง ซึ่งลุงสมชายเห็นว่า บทบาทของอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในการเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวของผู้สูงอายุและคนในชุมชน ให้เข้าใจและตระหนักถึงปัญหาความรุนแรง และช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งการมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและประสานงานช่วยเหลือด้านสิทธิในชุมชน เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและทำให้ผู้สูงอายุสามารถอาศัยอยู่ในชุมชนได้อย่างมีความสุข
เนื่องในวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้สูงอายุโลก มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ จึงขอเชิญชวนทุกท่านให้ตระหนักต่อปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ
มาร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย เอาใจใส่ดูแล และปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างเป็นธรรม