ไทยแอ็ค พาลุยเมืองสุพรรณฯ
กัญชา นาข้าว ชาติพันธุ์
ขึ้นชื่อว่าเป็นการเดินทางร่วมกับไทยแอ็ค มันต้องพิเศษสุด ๆ นั่งนับนิ้วระหว่างทางไปนัดพบกันที่ ศูนย์ราชการนนทบุรี นับเป็นการเดินทางร่วมกับไทยแอ็คเป็นครั้งที่ 4 ของผม แต่เอ๊ะ!! ผมนั่งนับนิ้วมาตั้งนาน ทำไมโชเฟอร์ยังขับรถมาไม่ถึงเสียที
“พี่ๆ ทำไมศูนย์ราชการนนทบุรีมันไกลจัง พี่มาทางผิดรึเปล่า”
“ไม่ผิดนะ ก็ตรงแจ้งวัฒนะไง”
“ไม่ใช่ๆๆ (ผมโพล่งไปดังลั่น) นั่นมันศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ผมจะไปศูนย์ราชการนนทบุรี”
อารมณ์โกรธ เดือดปุด ๆ ปะทะขึ้นตั้งแต่การเดินทางยังไม่เริ่ม ตามสโลแกนของไทยแอ็ค อยากเห็นคนไทยออกมาทำอะไรในแบบฉบับของตัวเองเพื่อสังคม แต่มาเจอแท็กซี่ขี้โกงทำเป็นไขสือ ไม่รู้เรื่องแบบนี้ เจ็บใจชะมัดยาก ! เจอคนแบบนี้ในสังคม
“จอดตรงนี้ละพี่ จอดตรงนี้ ! ดูสิมิเตอร์ขึ้นไปเกือบ 400 แหน่ะ”
“ให้ลุง 250 ก็พอ ลุงผิดเองที่จำทางผิด” -.-
ให้ตายเถอะ ! ผมถึงกับน้ำตาตกใน ร้องอุทานดัง ๆ ในใจว่า “ลุงนี่โคตรไทยแอ็คอ่ะ”
ถ้ามีแท็กซี่แบบลุงเยอะๆ วงการแท็กซี่บ้านเราคงเจริญเอา ๆ สิ่งที่ลุงทำนี่มันคือ ภาคประชาสังคมน้อย ๆ ที่ทุกคนลุกขึ้นมาทำกันได้ง่าย ๆ เลยนะ เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ด้วยการเห็นใจคนรอบข้างแบบนี้นี่แหละ ผมควักเงินให้ลุง 300 บอกไม่ต้องทอน และการเดินทางไปสุพรรณบุรีของผมกับไทยแอ็คเริ่มขึ้น เมื่อทุกคนมากันพร้อมเพรียง
“ลุงมาทางนี้ชัวร์ใช่ไหม”
“ก็ขับมาตาม Google map ไม่หลงหรอกน่า”
“แต่นี่เราขับมากลางทุ่งนาแล้วนะ” -.-
แม่เจ้าโว้ย !! นี่มันวันหลงทางของผมชัดๆ รถตู้พาพวกเรามาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีผมเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เลื่อนขั้นจากอาสาสมัครมาเป็นทีมงาน และงานแรกของผม คือการพาเหล่าผู้เข้าร่วมกิจกรรม มาหลงทางอยู่กลางทุ่งนา ผมคงสอบตกวิชาการดูแผนที่
“ลุงๆ จอดตรงนี้ก่อน ผมจะลงไปถามป้าเขาเอง”
“ป้าครับ ผมจะไป สวนนุ่นสวยรวยทรัพย์ลอร์ด ไม่ทราบว่าไปทางไหนครับ”
“สวนห่าอะไรของเอ็งวะหนุ่ม ป้าอยู่มา 40 กว่าปี ไม่เคยได้ยินชื่อ รู้จักเจ้าของเขาไหม”
“ไม่มีข้อมูลอะไรเลยครับป้า”
“งั้นโชคดีแล้วกันพ่อหนุ่ม ป้าก็จนปัญญาแล้ว หนุ่มไม่รู้….อะไรเลย”
ผมสอบตกวิชาการเตรียมข้อมูลก่อนการเดินทางเป็นครั้งที่สอง จนต้องอาศัยวิชา verb to เดากับพี่คนขับ ขับซอยนู้นออกซอยนี้ จนแล้วจนรอดก็เดินทางมาถึง สวนนุ่นสวยรวยทรัพย์ลอร์ดจนได้ ผมมองกลับไปหาผู้เข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ เดาได้ไม่ยาก…..ความน่าเชื่อถือในตัวผมหมดแล้วโดยสิ้นเชิง
นี่เหรอวะสวนนุ่นสวยรวยทรัพย์ เอ็งไม่คิดจะปักหมุด หรือทำป้ายทางเข้าหน่อยหรือไง ผมบ่นกับต้นนุ่นใหญ่ คล้ายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ บ่นยังไม่ทันเสร็จ พวกเราก็ล้อมวงสนทนากับเจ้าของตัวจริงเสียงจริง ครูเหรียญจากมูลนิธิข้าวขวัญ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว จากความรู้ตลอดวันที่ได้เรียนรู้เรื่องการปลูกข้าว ผมยอมรับว่าแกเชี่ยวชาญจริง ๆ กับคู่ชีชิตของแก พี่เต๋อตีนเกวียน แค่ชื่อก็กินขาดแล้วครับพี่น้อง อันที่จริงแกมีชื่อเล่นว่าพี่หนึ่ง แต่เอาเป็นว่าขอใช้ชื่อศิลปินของพี่นะครับ จิ๊กโก๋ดี
นาข้าว
ยังไม่ทันหายเมารถ ครูเหรียญพาพวกเราลงทุ่งนาจับแมลง ผมเดินไปจ้องทุ่งนาอยู่นานสองนาน ไม่ยักจะเห็นแมลงสักตัวโผล่มา มันมีแมลงให้เราจับจริง ๆ ใช่ไหมวะ งานนี้ถ้าลงไปจับแล้วไม่ได้แมลงนี่ มีหน้าแตกกันทั้งคนจัด คนพาไปจับกันบ้างละวะ แต่แม่เจ้าโว้ย ! เอากระชอนไปกวาด ๆ แค่ครู่เดียว ได้แมลงมาเป็นโขยง ทั้งตั๊กแตนตำข้าว แมลงปอ แมงมุม และอีกสารพัดสารเพ และเชื่อหรือไม่ว่า แมลงเหล่านี้เป็นแมลงดี อยู่ฝ่ายคุณธรรมค้ำจุนข้าว คอยจัดการกับพวกแมลงเลวฝ่ายอธรรม ที่มาเบียดเบียนต้นข้าวน้อย ๆ แสนบอบบาง เกิดมาก็เพิ่งรู้วันนี้ มีแมลงธรรมะ แมลงอธรรม
ครูเหรียญเล่าให้ฟังว่า แกทำนาข้าวแบบอินทรีย์ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง พอแกไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เหล่าแมลงดี ๆ ก็ตอบแทนบุญคุณแก ด้วยการช่วยรักษาต้นข้าว จัดการแมลงไม่ดี ส่วนคนที่ใช้ยาฆ่าแมลง ครูเหรียญบอกว่า มันจะไปฆ่าทั้งแมลงดีและไม่ดี หนำซ้ำส่วนใหญ่ที่ตายคือแมลงดี เพราะแมลงไม่ดี ล้วนไปแอบอยู่ตามมุมมืดของท้องนา แกเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกมากมาย จนผมขอสรุปบทเรียนแบบรวบรัดว่า การทำนาข้าวแบบอินทรีย์ ผลสุดท้ายแล้ว ส่งผลดีกับเกษตรกรมากกว่า ส่วนใครอยากรู้มากยิ่งขึ้นว่า เพราะอะไร ทำไม อย่างไร เชิญชวนไปขอความรู้กับครูเหรียญ จากมูลนิธิข้าวขวัญกันได้นะครับ
กัญชา
หลังจากเรียนรู้เรื่องนาข้าวกันไปแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันแต่…..อาหารกลางวันไม่มา คนขับรถออกไปซื้อข้าวแล้วหลงทาง นี่มันวันหลงทางแห่งชาติหรืออย่างไร แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะสมาชิกของเรา โชว์ฝีมือโขลกส้มตำโป๊ก ๆ แซ่บอีหลี อย่าบอกใครเชียว
ตากแดดมาเหนื่อย ๆ ได้กินข้าวอิ่ม ๆ ก็ได้เวลามาพี้กัญชากันต่อ เอ้ย ! จะบ้าหรอ มันได้ซะที่ไหนกัน เสียชื่อไทยแอ็คหมด บ่ายนี้มาฟังเรื่องราวของกัญชากันต่อ กับครูเหรียญเจ้าเก่า เสริมด้วยพี่กิ๊ฟ คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่สนใจเรื่องกัญชาเช่นกัน ผมนั่งสะลึมสะลือหนังท้องตึง หนังตาหย่อน พอจับประเด็นได้ว่า
“นโยบายกัญชาเสรีในประเทศไทย ยังคงจำกัดการใช้ เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์หรือการรักษาผู้ป่วยเท่านั้น มิใช่เพื่อการนันทนาการหรือใช้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน และในประเด็นหลังนี้ดูท่าแล้วคงจะยาก ไม่ง่ายเหมือนที่พรรคการเมืองหนึ่งพูดเอาไว้” และหลังเหตุการณ์เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ถูกจับกุมไปเมื่อปีก่อน(พ.ศ.2562) น้ำมันกัญชาเริ่มได้รับการยอมรับ และผลักดันมากขึ้นในวงกว้าง ครูเหรียญใช้เวลา 15 นาทีบรรยายสรรพคุณของน้ำมันกัญชา จนผมรู้สึกว่า บ๊ะ!! นี่มันน้ำมันวิเศษชัด ๆ ไม่ว่าจะโรคอะไรทำไมดูมันจะรักษาได้หมดเลย สุดยอด ! แต่ผมคิดว่าทุกอย่างล้วนมี 2 ด้าน ไม่มีอะไรดีไปหมด มันย่อมมีข้อเสียอยู่บ้าง ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม แต่โดยสรุป สรรพคุณเด่นชัดของน้ำมันกัญชาคือ การทำให้ผู้ป่วยนอนหลับสบายขึ้น ว่าแล้วก็ขอลองหยดน้ำมันกัญชาสัก 1 หยด ดมดูพบว่ากลิ่นคล้ายชาเขียว ผสมน้ำมันมะพร้าว
แดดร่มลมตกได้เวลามื้อเย็น มากับไทยแอ็คทั้งที จะกินกับข้าวธรรมดา ๆ ได้อย่างไร ไทยแอ็คเลยพาไปทอดแหจับปลาในบ่อ ครั้งนี้ทริปเรามีผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 6 คน ผู้ชายมีหน้าที่นั่งเชียร์ ส่วนผู้หญิงเสียสละให้เป็นคนทอดแห และด้วยฝีมือขั้นเทพ ได้ลูกปลานิลมา 6 ตัว…...มื้อเย็นนี้กะเพาะอาหารคงว่างงานกันน่าดู
ไม่หรอกไม่อดตาย เพราะมื้อเย็นวันนี้เรามีนัดสนทนาเคล้าเสียงเพลง กับพี่ ๆ วงหวานเย็น กลุ่มศิลปินจากหลากหลายอาชีพ รวมตัวกันทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม วันนี้พวกเขารวมตัวกันจัดหาอาหารเย็นให้กับพวกเรา แถมด้วยเสียงเพลงบรรเลง ขับกล่อมพวกเรานั่งตบยุงกันอย่างสนุกสนาน พูดแล้วก็คันหยิก ๆ กลับบ้านมาได้ 3 วันแล้ว ยุงสุพรรณบุรียังฝากความคิดถึงเป็นตุ่มแดง ผมเผลอหลับไปเวลาเท่าไหร่ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าค่ำคืนนี้มีดวงดาว มีเสียงกบเขียด จั๊กจั่น มีหยาดน้ำค้างจากไอหมอก และมีเสียงกรนปริศนา ผมหลับลงอย่างนุ่มลึก เงียบเชียบ รู้สึกตัวอีกที เมื่อแสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าจากปลายของทุ่งนา มาแตะที่ขอบดวงตา
ชาติพันธุ์
ทริปนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ตื่นมาพร้อมกับพี่เต่า ผู้ดูแลไทยแอ็ค ก้ม ๆ เงย ๆ ระลึกความจำ หากุญแจรถที่หายไป แทบจะพลิกแผ่นดินหาทั่วไร่ แต่ไม่พบ เสียงต่าง ๆนานาเริ่มปะเดปะดังเข้ามา
“เจ้าที่บังตา ให้เราหาไม่เจอ เอ็งไปจอดรถขวางทางเจ้าที่ แน่เลย”
“เอ็งลืมเองรึเปล่า คิดดี ๆ นะ ไปวางไว้ไหน”
“มีใครเอาไปทิ้งถังขยะ เสียแล้วละมั้ง”
“ไม่หายหรอกค่ะ มีผู้ชายผิวขาวหยิบไป เดี๋ยวก็เจอ” เสียงจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมคนหนึ่งดังขึ้น เธอบอกว่า พี่เธอเป็นหมอดูแม่นมาก เธอโทรปรึกษาพี่เธอแล้ว ผมหันขวับหลังเธอพูดจบ พร้อมคิดในใจ “การเดินทางครั้งนี้ นี่มันรวมยอดมนุษย์ไว้ชัด ๆ” แต่จนแล้วจนรอด เช้านั้นเราหาไม่เจอ จนต้องแก้ปัญหาด้วยการอัดกันไปบนรถตู้ มุ่งตรงไปสู่กิจกรรมแรกของวัน ณ วัดโภคาราม ตำบลดอนคา อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
โอ้ว ! แม่เจ้า ไทยแอ็คพาข้าพเจ้ามางานกฐิน เรามาเพื่อประหยัดข้าวกลางวัน เพราะของฟรีเยอะมาก...ไม่ใช่โว้ย... เรามาเพราะว่าจะมาเรียนรู้เรื่องชาติพันธุ์กัน ที่วัดวันนี้มีพี่น้องลาวเวียงมาร่วมทอดกฐิน ของกินนั่นของแถม หลังจากผมเดินเตล็ดเตร่ กินนู้นทีนั่นทีอย่างอร่อย ก็ถึงเวลาแห่กฐิน ผมประทับใจยิ่งนัก ยิ้มไม่หยุดเลยล่ะ เมื่อเห็นขบวนกฐิน ไม่ได้ซาบซึ้งในประเพณีหรอก แต่คนถือพานน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ ผมทำหน้าที่ช่างภาพที่ดี กดชัตเตอร์นับร้อยภาพ และภาพที่ได้มา
ฝันหวานผมพังทลายเมื่อเจอเข้ากับแก๊งค์เก็บเหรียญ ที่แทบจะกลืนกิน นางงามของผมเสียแล้ว เด็ก ๆ ต่างพากันแย่งเศษเหรียญโปรยทาน เหมือนผมสมัยเด็กไม่มีผิด ถ้าวันไหนแถวบ้านมีงานบวช รับรองเจอผมได้ทุกงาน แต่พอโตมาเห็นภาพเด็ก ๆ แย่งเหรียญกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกชอบกล แต่ช่างมันเถอะ ผมขอลองแย่งเก็บเหรียญกับเด็กดูบ้างละกัน ผลลัพธ์ที่ได้ มีเพียงฝุ่นเข้าตา และได้รูปสาวสวยปลอบใจกลับมา
มาถึงตรงนี้ ขอบใจในความพยายามที่อุตส่าห์อ่านกันมา แม้จะหาสาระได้น้อยนิด แต่เนื้อหาต่อไปนี้ ผมคงต้องเอาการเอางานบ้างละ ผมโบกมือบ๊ายบาย ร้านอาหารฟรีจากวัด เดินทางมุ่งตรงสู่ “ทวารกะ” แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังเปิดในปี พ.ศ.2564 นิยามแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ คือศูนย์รวมการเรียนรู้ชาติพันธุ์ของจังหวัดสุพรรณบุรี ในทวารกะจัดแบ่งพื้นที่ ปลูกบ้านของแต่ละชาติพันธุ์ไว้ในสไลต์ของตนเอง โดยบ้านแต่ละหลังจะเปิดโอกาสให้ เหล่าพี่น้องชาติพันธุ์นำสินค้าพื้นถิ่น การละเล่น ขนบธรรมเนียนประเพณี มาจัดแสดงทุกวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หลังจากการอธิบายจบลง ผมเพลินเพลินกับเสียงเพลงของพี่น้องกะเหรี่ยง ในเครื่องดนตรีเตหน่า ฟังกี่ครั้งก็ไพเราะ ชวนให้เคลิ้ม ตบมือสร้างจังหวะอยู่ทุกที
หลังจากเพลินเพลินกับเสียงดนตรีจนกะเพาะเริ่มย่อย กลิ่นอาหารจากบ้านอีกหลังโชยมา กลิ่นหอมของแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ โชยมาจนผมอดใจไม่ไหว ต้องตามกลิ่นนี้ไป มันคือกลิ่นของขนมก้นกระทะ ขนมพื้นถิ่นของพี่น้องลาวเวียง เหล่าแม่ ๆ ต้อนรับขับสู้จนผมเกร๊งใจ เกรงใจ ปากบอกพอแล้วไม่ต้องทำขนมเพิ่มแล้ว แต่มือนี่หยิบขนมเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย แป้งกรอบ ๆ ตัดด้วยรสหวาน ๆ หอมกลิ่มมะพร้าว กัดเข้าปากแต่ละคำ ชวนให้น้ำย่อยออกมาเรียกร้อง ขอเพิ่มไม่หยุดหย่อน แต่ก่อนจะอิ่มไปมากกว่านี้ แม่ ๆ ได้เตรียมสำรับกับข้าว ไว้ให้พวกเราพร้อมแล้ว เป็นกับข้าวที่ทำมาจากใจเพื่อพวกเราชาวไทยแอ็ค ดูทุกคนจะอิ่มอร่อยกับ น้ำพริก ผักสด ปลาทอด และทีเด็ดของวันนี้คือ “แกงผำ” แกงสีเขียวเข้มหน้าตาคล้ายสาหร่าย แม่ ๆ บอกเราว่ามันเป็นพืชที่ขึ้นในบ่อน้ำ โดยตักขึ้นมาร่อนแล้วนำมาแกง อร่อยอย่าบอกใครเชียว ว่าแล้วขอเบิ้ลข้าวอีก 1 ทัพพี ก่อนขอตัวลาเพราะกลัวจะหลงรสมือ ของเหล่าแม่ ๆ ไปมากกว่านี้
ก่อนเดินทางกลับ กทม. พวกเรามีนัดสุดท้าย ณ หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมไทดำ ชุมชนบ้านดอน เวลาแค่ 1 วัน ในจังหวัดสุพรรณบุรี พวกเราสามารถมาเยี่ยมเยือนพี่น้องชาติพันธุ์ได้ถึง 3 กลุ่มชาติพันธุ์ ประทับใจทุกครั้งกับการต้อนรับขับสู้ของ พี่ ๆ ป้า ๆ ยาย ๆ ต้อนรับเหมือนลูกหลานญาติมิตรคนหนึ่ง นี่ละหนาสเน่ห์ของชาติพันธุ์ ที่ทำให้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบนี้ ได้รับความนิยมจากคนเมืองอย่างพวกเรา มันเป็นความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ที่พวกเราหากันไม่ได้ในเมืองใหญ่ มันคงเป็นความอร่อยของอาหารที่ภัตตาหารหรู ให้ความสดใหม่ของอาหารเหมือนผักปลาชนบทไม่ได้ และมันคงเป็นความบริสุทธิ์ของอากาศ ที่เครื่องกรองอากาศแสนแพงสร้างให้ไม่ได้เช่นกัน ดูเหมือนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบนี้ จะให้ทุกอย่างที่เมืองกรุงใหญ่ให้พวกเราไม่ได้ ยกเว้นอย่างเดียวคือความสะดวกสบายแบบปอน ๆ
พวกเราเดินทางออกจากสุพรรณบุรีกันตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็น และขากลับ ไม่ทำให้เราผิดหวังน้อย หน้าไปกว่าขามา รอบนี้เราไม่หลง แต่รถดันติดตั้งแต่ออกจากตัวเมืองสุพรรณ ผมนั่งเหงาหงอย เกาะกระจกคิดถึงเตียงที่บ้าน กว่าจะพบกันเป็นเวลาสี่ทุ่ม ผมทิ้งตัวนอนอย่างช้า ๆ พร้อมมือที่คันหยิก ๆ เป็นของฝากจากยุงเมื่อคืนวาน ปิดฉากการเดินทางเคล้าการเรียนรู้สุดสนุกกับ ไทยแอ็ค และผมขอจบเรื่องเล่านี้อย่างเท่ ๆ สไตล์ไทยแอ็คไว้แต่เพียงว่า “ภาคประชาสังคม ใคร ๆ ก็เป็นได้” และมันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสมอไป… เพราะเมื่อคุณลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคม ชุมชนของคุณแล้ว คุณจะรู้สึกถึงความเท่ที่เพิ่มขึ้นในตัวแบบผม เพราะผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองโคตรเป็นไทยเท่