แสงเดือนกลางป่า - เรื่องราวของหมออาสาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเข้าไปจนผู้คนอาจหลงลืม
บทความร่วมประกวดสารคดี We are CSO ภาคประชาสังคม ใคร ๆ ก็เป็นได้ โดย สุชาติ สุขประสิทธิ์
สองมือที่หุงข้าวและทำกับข้าวตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นมือคู่เดียวกับที่ดูแลชายวัยกลางคนคนนั้นมาแทบทั้งคืน ขณะตักข้าวกับน้ำพริกเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ผมอดคิดไม่ได้ ว่าหญิงปากะญออายุคราวแม่คนนี้ หัวใจของเธอทำด้วยสิ่งใด
ต้นปี 2556 ผมได้รับมอบหมายให้เดินทางเข้าไปยังชุมชนลุ่มน้ำแม่จัน ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก เพื่อเก็บข้อมูลมาทำต้นฉบับในประเด็นหมอปฏิวัติ ที่นั่น ผมมีโอกาสได้พบกับ พะโฉะ สิรินิพนธ์ อายุ 55 ปี อาสาสมัครอนามัยชุมชนแห่งบ้านหม่องกั๊วะ ชุมชนกลางป่าที่การรักษาพยาบาลยังเข้าไม่ถึง
เพียงคืนแรกเท่านั้น ภายใต้แสงตะเกียงบนบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง แสงเดือนได้ส่องสว่างกลางบ้านป่าอย่างเต็มตาเต็มใจ ความจริง ผมจำไม่ได้หรอกว่าคืนนั้นเดือนหงายหรือเดือนคว่ำ แต่ภาพหญิงเจ้าของบ้านกระตือรือร้น ดูแลคนป่วยแทบทั้งคืนช่างแจ่มชัดเหลือเกิน
จะเรียกว่ามนุษยธรรมหรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ดำเนินมานานปี นับตั้งแต่สิ้นสุดการสู้รบระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับกองทัพรัฐบาล ขณะที่เหล่านักศึกษากลับคืนเมือง ไปเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แต่พะโฉะหรือชื่อจัดตั้ง “สหายแสงเดือน” ยังใช้ชีวิตในป่า ด้วยมันคือเขตย่านบ้านเกิด
ดินแดนบ้านป่ายังคงความห่างไกล และเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล ยิ่งช่วงฤดูฝนอันยาวนานปีละ 5-6 เดือนด้วยแล้ว เรียกได้ว่าตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ป่วยไข้กันแต่ละที จึงเป็นทั้งความเสี่ยงและความตายได้อย่างไม่ยากเย็น ทว่ายังโชคดี ที่หมู่บ้านหม่องกั๊วะมีอดีตสหาย ที่รักษาคนป่วยได้
จริงอยู่ แม้ไม่ได้สำเร็จการศึกษามาจากสถาบันการแพทย์โดยตรง แต่ชีวิตในวันเข้าป่าจับปืน ก็เปิดโอกาสให้พะโฉะ ได้เรียนรู้เรื่องราวการแพทย์การพยาบาลด้วยเหมือนกัน รวมทั้งได้ลงมือจริงผ่านการถ่ายทอดจากสหายที่เคยร่ำเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์
ทุกวันนี้ ยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ได้รับบริจาคมาจากผู้มีจิตสาธารณะ ผ่านมาทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งจะเข้ามาในพื้นที่ทุกปี นอกจากนำยาและเวชภัณฑ์มามอบแล้ว ยังนำแพทย์และอาสาสมัครมาอบรมเพิ่มเติมให้กับอดีตหมอปฏิวัติ ซึ่งสหายแสงเดือนก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น
วิชาความรู้จากราวป่าในวันวาน วันนี้ยังถูกใช้อย่างเป็นประโยชน์กับคนในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเรื่องพื้นฐานอย่างจ่ายยาแก้ไข้ เรื่องใหญ่อย่างการทำคลอด กระทั่งรายล่าสุดที่นอนซมให้น้ำเกลืออยู่ สหายแสงเดือนก็เข้าไปดูอาการอย่างใส่ใจ แม้จะเหนื่อยจากงานในไร่มาทั้งวัน
ชีวิตในป่าต้องพึ่งพาตัวเองสูง โดยเฉพาะการผลิตอาหารเอง สำคัญที่สุดคือ ปลูกข้าวเพื่อให้พอเพียงกับปากท้องคนในครอบครัว แต่ในยามมีคนป่วยมานอนค้างคืนรักษาตัว สหายแสงเดือนก็ยินดีดูแลเรื่องอาหารให้ด้วย แม้มากรายเข้า ย่อมหมายถึงข้าวของคนในครอบครัวจะไม่พอกิน
แสงที่ลอดผ่านฝาขี้ฟาก ผมเห็นสหายแสงเดือนกำลังปรับสายน้ำเกลือให้คนป่วย ตอนนั้นเลยเที่ยงคืนไปแล้ว รวมทั้งได้ยินเสียงพูดเบา ๆ อีกสองสามคำ แม้จะฟังไม่รู้ความ แต่ก็เห็นคนป่วยพยักหน้าตอบรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พูดก็พูดเถอะ นี่คือภาพแห่งมิตรภาพที่งดงามเหลือเกิน
แม้จะเป็นเพียงชั่วข้ามคืน ที่ผมได้สัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ แต่ก่อนหน้านั้นมันดำเนินมาอย่างยาวนาน คำว่ามิ่งมิตรมิใช่สิ่งเกินเลย ที่จะมอบให้แด่สตรีผู้อุทิศตนเพื่อผู้ทุกข์ทนจากโรคภัย เพราะทุกสิ่งที่ทำไปไม่มีผลตอบแทนใด ๆ นอกจากความสุขที่เห็นเพื่อนมนุษย์ผ่านพ้นโรคภัย
วันที่กลับออกมา ผมนึกถึงข้าวสวยหุงร้อน ๆ จากสองมือของสหายแสงเดือน บางครั้ง ยังคิดไกลไปถึงยามเพาะปลูก กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเมล็ด ทั้งหมดนี้มากพอแล้ว ที่ผู้ผ่านทางมาขอข้อมูลจะมอบเสบียงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ให้แก่มิตรผู้มอบไมตรี ข้าวปลาอาหาร และชายคาพักพิงให้ตลอดการทำงาน
หลายปีผ่านมา เมื่อมาคิดดูอย่างถ้วนถี่จึงพบว่า แม้ไม่ได้ป่วยไข้ใด ๆ แต่ผมยังได้รับความใส่ใจจากสหายแสงเดือนเป็นอย่างดี คืนนั้น นอกจากคนป่วยนอนให้น้ำเกลือที่ต้องดูแลแล้ว ผมก็เป็นอีกคนที่สหายแสงเดือนดูแลผ่านการให้ข้อมูลอย่างเอื้ออาทร
ผมไม่เคยลืมสิ่งที่สหายแสงเดือนมอบให้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังแฝงความหมายตรึงใจมาถึงทุกวันนี้ กระทั่งเชื่อมาตลอดว่า นี่คือสิ่งที่มิตรพึงกระทำต่อมิตร และผมบอกตัวเองเสมอว่า จะเพาะเมล็ดพันธุ์มิตรภาพนี้ผ่านตัวอักษร เพื่อนำไปหว่านโปรยเท่าที่ความสามารถของคนเขียนหนังสือคนหนึ่งพอจะมี