ก่อนหน้านี้เรามักจะได้ยินการคัดค้านบ่อขยะ ที่พ่วงมาด้วยโรงไฟฟ้าอยู่บ่อยครั้งในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดลำพูน เช่น ที่อำเภอแม่ทา แม้ท้ายที่สุดได้ถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อย เแต่ครั้งนี้เรื่องราวซ้ำเดิมเกิดขึ้นอีกแล้ว เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นในพื้นที่ตำบลศรีบัวบ้าน อ.เมือง จ.ลำพูน

จึงทำให้ชาวบ้านและผู้อาศัยในพื้นที่โครงการจำนวนมากไม่เห็นด้วย จนกระทั่งในวันที่ 14 เมษายน 2565 กลุ่มผู้คัดค้านได้มีการติดป้ายคัดค้านบ่อขยะ แต่ผ่านไปได้ไม่ถึงสิบนาที ป้ายก็ถูกปลดโดยบุคคลนิรนาม และ 17 เมษายน 2565 การต่อต้านได้เริ่มขึ้น ผู้สัญจรไปมาสามารถพบเห็นป้ายคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะถูกติดอยู่บริเวณหน้าบ้านเรือนหลายหลังทั่วตำบลศรีบัวบาน โดยบางข้อความระบุว่า

อย่าเห็นแก่เศษเงินเขา บ่อขยะมันอยู่กับเราทั้งชีวิต

บ้านหลังนี้คัดค้านบ่อขยะล้าน%

อย่าเซ็นเอกสารทุกประเภทที่เสนอว่าจะแจก เพื่อแลกกับลายเซ็น จนกว่าบ่อขยะจะไปที่อื่น

รวมทั้งอีกหลากหลายข้อความบนป้ายคัดค้าน และการร่วมแรงกันย้ำเตือนว่า อย่าเซ็นเอกสารใด ๆ หรือแม้กระทั่งการปฏิเสธการรับเงินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าขยะ

กระทั่งวันที่ 19 เมษายน 2565 หลังจากมีกระแสข่าวว่า จะมีการทำประชาคมเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าจากขยะในพื้นที่ตำบลศรีบัวบาน ในวันที่ 23 เมษายน 2565 ที่จะถึงนี้ คุณวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต1 ลำพูน จึงลงพื้นที่เข้าไปสอบถามรายละเอียดกับเทศบาลตำบลศรีบัวบานและผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1บ้านศรีบัวบาน ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่มีหน่วยงานไหนแจ้งความประสงค์หรือยื่นหนังสือจะทำประชาคมดังกล่าว มีแต่เพียงข่าวและความกังวลใจจากชาวบ้านในพื้นที่

ต่อมา 23 เมษายน 2565 ท่ามกลางกระแสและข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดให้มีการทำประชาคมขึ้น แต่เมื่อถึงวัดกำหนดนัดหมายก็ไม่ปรากฎกิจกรรมใด

7 พฤษภาคม ชาวบ้านตำบลบ้านศรีบัวบาน รวมตัวกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้มีถือป้ายประท้วงคัดค้าน เพราะหวั่นว่าหากมีการสร้างโรงไฟฟ้าขยะจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว บางส่วนเกรงว่า ในตำบลศรีบัวบานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมหากมีการรั่วไหลของน้ำเสีย จะส่งผลกระทบทั้งคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ

และในวันเดียวกันนี้ กลุ่มลำพูนปลดแอกได้รับรายงานว่า มีเหตุการณ์การคุกคามแกนนำผู้ทำกิจกรรมเกิดขึ้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ตัวแทนชุมชนศรีบัวบานและชุมชนใกล้เคียงกว่า100 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ณ ศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน ให้ตรวจสอบกรณีคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะจังหวัดลำพูน ผ่านศูนย์ดำรงธรรม โดยมีนายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และนายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปลัดจังหวัดลำพูน เป็นผู้รับมอบ

โดยหนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม แสดงความเห็นบางส่วนว่า

การพัฒนามันไม่ใช่พิษร้ายแต่มันต้องเปิดพื้นที่กลาง ให้นำข้อมูลข้อดีข้อเสียมาปะทะกันต่อสาธารณะ แล้วค่อยให้ประชาชนตัดสินใจ แต่มันจะเป็นพิษร้ายหากทำโดยมีอะไรในก่อไผ่ ด้วยตัวงบโรงไฟฟ้าที่สูงระดับพันล้าน และสามารถแปรสภาพในอนาคตไปสู่กลุ่มทุนพลังงานอื่นใดเหล่านี้ยิ่งต้องมีความชัดเจนก่อน โครงการนี้พยายามจะทำ แต่ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ทั้งตัวโครงการว่าใครเป็นเจ้าภาพ บริษัทไหนใครจะ ลงทุน รูปแบบโรงงานจะปลอดภัยขนาดไหน ขยะต่อวันที่ต้องใช้เท่าไหร่พอไหม คุ้มไหม ผลกระทบอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้อยู่ในพื้นที่สีเทามาตลอด โดยที่ประชาชนไม่ทราบด้วย

ในท้ายที่สุด แม้การยื่นหนังสือร้องทุกข์ และขอให้มีตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเป็นทางการต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และศูนย์ดำรงธรรม อาจจะทำให้อะไรชัดเจนขึ้น แต่กลับกันพบว่าได้มีความพยายามใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม สอดส่อง สอบถามความเคลื่อนไหว และไปเยี่ยมเยียนแกนนำประชาชนทั้งในพื้นที่ตำบลแม่ทา และศรีบัวบาน จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือรูปแบบหนึ่งของการคุกคาม หรือมีบุคคลเบื้องหลังโครงการก่อสร้างผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ กำลังพยายามจะยับยั้งการรวมกลุ่มคัดค้านของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่หรือไม่