เปิดพื้นที่เพลินวัย OLDER NOT OVER วันผู้สูงอายุสากล 2566
วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันผู้สูงอายุสากล” International Day of Older Persons ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของผู้สูงอายุ ที่ได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้กับสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aged Society) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2566 ได้เป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้ว (Complete Aged Society) ด้วยจำนวนประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี สูงเกือบร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และเพื่อเฉลิมฉลองงานวันผู้สูงอายุสากล ให้ผู้สูงอายุรวมถึงคนทุกวัยได้มีพื้นที่พบปะสังสรรค์ มองอนาคตร่วมกัน สมาชิกภาคีเครือข่ายพลังผู้สูงวัย ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มประชาสังคมและกลุ่มผู้สูงอายุ ร่วมกันสร้างสรรค์พื้นที่ จัดกิจกรรม “พลังผู้สูงวัย” OLDER NOT OVER งานแสดงพลัง วันผู้สูงอายุสากล ปี 2566 ขึ้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
สำหรับงานในปีนี้มี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเปิดงานพร้อมกล่าวชื่นชมและขอบคุณทุกกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่าย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานให้ผู้สูงอายุได้มีความภาคภูมิใจ มีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ รวมทั้งยังฝากถึงผู้สูงอายุทุกคนว่าคือบุคคลกรที่มีคุณภาพและเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเมือง และ กทม. พร้อมดูแลทุกคนทุกวัยอย่างดีที่สุดต่อไป
ด้าน ธมน เล็กปรีชากุล ผู้ประสานงานด้านการพัฒนา สหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้ร่วมขึ้นกล่าวเป็นภาษาสากล โดยมีใจความสำคัญว่า วันผู้สูงอายุสากลปีนี้ตรงกับวันครบรอบ 75 ปี ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และเพื่อให้บรรลุตามคำมั่นปฏิญญา เราต้องดำเนินการให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยเฉพาะหลักการ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อิสรภาพ เสรีภาพ และการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การดูแลสุขภาพ ความเท่าเทียมทางดิจิทัล ตลอดจนส่งเสริมความสามัคคีระหว่างรุ่น เพื่อเป็นมิตรต่อคนทุกวัยและมีความยืดหยุ่นสำหรับทุกคน
สอดคล้องกับ แรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สหประชาชาติได้กำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันผู้สูงอายุสากล ประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกตอนนี้กำลังเผชิญกับสังคมผู้สูงวัย ส่วนประเทศไทยก็มีการคาดการณ์ว่าปี 2576 จะเป็นสังคมผู้สูงอายุในระดับสุดยอด (Super-Aged Society) คือจะมีผู้สูงวัยมากถึงร้อยละ 28 จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้มีความท้าทายในหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ สังคม ด้านสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับผู้สูงวัย ไปจนถึงด้านเทคโนโลยี ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่ถูกหลอกทางออนไลน์มากที่สุดคือผู้สูงอายุ จึงเป็นความท้าทายในการเตรียมความพร้อมให้ผู้สูงวัยที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมได้อยู่อย่างมีคุณค่าและมีความสุข”
ส่วนกิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดของพลังผู้สูงวัยในโลกที่เปลี่ยนแปลง ผ่านการเปิดพื้นที่เพลินวัย ซึ่งมีผู้สูงอายุร่วมกันออกแบบแนวทางในการจัดงาน เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นที่ประจักษ์ว่าผู้สูงวัยยังไปต่อได้ และเป็นการเปิดพื้นที่ให้สมาชิกเครือข่ายพลังผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเน้นกิจกรรม Active Aging ที่ส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ ในด้านความสามารถ คุณค่า และศักยภาพในการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้มีภาคีเครือข่ายร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมเพลินวัยกว่า 50 บูธ อาทิ กรมกิจการผู้สูงอายุ, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักอนามัย กทม. , เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม-We Fair, สมาคม การกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุ(ประเทศไทย), กลุ่มภาคีเครือข่ายพลังผู้สูงวัย, คอมมูนิตี้พื้นที่สร้างสรรค์ผู้สูงวัย – Young Happy, พื้นที่สนับสนุนการอยู่และตายดี - Peaceful death, สอนมัดมาลัยผ้าขาวม้า ถักเชือกมาคราเม่ - Senior Club, SafeTist Farm, พลเมืองอาสา เป็นต้น
นอกจากนี้ อรนุช เลิศกุลดิลก ผู้จัดการโครงการ forOldy และหนึ่งในผู้ริเริ่มการจัดกิจกรรมในวันผู้สูงอายุสากล ยังได้ให้ความเห็นถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “สิ่งที่เราคาดหวังมาก ๆ ก็คือเราอยากส่งเสียงให้สังคมวงกว้างเห็นถึงพลังของผู้สูงวัย และการมีพื้นที่ให้กับให้ผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ ทุกวันนี้อย่างที่ทราบกันว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุอยู่ในลำดับต้น ๆ ของอาเซียน และมีผู้สูงอายุปีละล้านคนแล้ว ซึ่งทุกคนก็ยังแข็งแรงอยู่ ยังต้องการสังคม ยังต้องการพื้นที่ที่มาทำอะไรร่วมกัน งานวันสูงอายุสากลปีนี้ก็เป็นโอกาสดี ที่ได้คนหลากหลายวัยและหลายภาคหลายภาคส่วนมาร่วมกันเปิดบูธ ซึ่งเราอยากเฉลิมฉลองให้สมกับคำที่บอกว่า เราเห็นคุณค่าผู้สูงอายุ เพราะสังคมสูงอายุเป็นสังคมของคนทุกวัย”