กรณีบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาล…จังหวัดเชียงใหม่ ยังต้องการแรงหนุนจากทุกคน

หลังจากมติคณะกรรมการกำหนดแนวทางดำเนินการ กรณีก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการที่อำเภอแม่ริม นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เห็นชอบให้ คืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของกรมธนารักษ์ โดยให้รื้อบ้านพักทั้ง 45 หลังและอาคารชุดอีก 9 หลัง อย่างเร่งด่วน แม้จะเป็นการประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด แต่ก็ยังไม่อาจนับเป็นชัยชนะของประชาชน เพราะมติครั้งนี้ยังไม่ได้ถูกกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงาน ที่สำคัญคือ ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ ซึ่งมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และหากมองลงมาจากมุมสูง “พื้นที่ป่าแหว่ง” ตีนดอยสุเทพ ยังคงไม่ได้มีต้นไม้คืนมาแม้แต่ต้นเดียว !

ถ้าลองเปิดหนังสือพิมพ์ย้อนไปดูเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ก็จะพบพาดหัวตัวใหญ่ที่ “ส่วนกลาง” นำโดย รมต.สุวพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า  “การเข้าไปอยู่อาศัยในอาคารชุดนั้น  เป็นการเข้าไปก่อนที่จะเกิดประเด็นปัญหาขึ้น ซึ่งเป็นการเข้าอยู่อาศัยตามระเบียบข้าราชการอย่างถูกต้อง” ถึงตรงนี้ขอเรียนให้ทราบกันอย่างทั่วถึงว่า อาคารชุด 9 หลังที่เพิ่งมีมติให้  “รื้อถอน” นั้น  ได้เริ่มมีข้าราชการหอบลูกจูงหลานเข้าไปอาศัยแล้วทั้งสิ้น 24 ครอบครัว ดังนั้นนอกจากควรงดแสดงอาการดีใจแล้ว ประชาชนชาวไทย  และโดยอย่างยิ่งชาวเชียงใหม่ที่ไม่นิ่งเฉย  ต่อปัญหา ยังจำเป็นต้องท่องไว้ว่า  “ภารกิจยังไม่จบ”

เรื่องนี้ คุณ ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ จากเครือข่ายภาคประชาชนขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ย้ำให้ฟังว่า “นอกจากการก่อสร้างครั้งนี้จะกระทบต่อระบบนิเวศน์แล้วก็ยังเป็นการดำเนินงานที่รับไม่ได้ เพราะไม่เคยสร้างการมีส่วนร่วม ไม่เคยถามประชาชนในพื้นที่เลย ซึ่งเป็นการทำงานแบบไม่โปร่งใส ไร้ธรรมาภิบาล ชาวบ้านที่นี่บอกกันว่าเป็นขึดก็ไม่เคยฟัง”

โดยความเชื่อของชาวล้านนา และบางส่วนของประชากรไทยที่อาศัยในภาคเหนือ การกระทำใดที่ ไม่ดี อัปมงคล ส่งผลร้ายแรง และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้กระทำ ครอบครัวหรือผู้อื่น การกระทำนั้นถือว่าเป็น “ขึด” และหากเมื่อใดได้ยินคำนี้แล้ว พวกเขาจะหยุดกระทำทันที…นี่เป็นความเชื่อและนิสัยของประชาชน ซึ่งหาไม่ได้จากรัฐและราชการ ? เช่นกันกับกรณีก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ ซึ่งได้เลือกทำเลที่ตั้งบริเวณพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ดอยสุเทพ และยังอยู่ในตำแหน่งต้นน้ำ ที่สำคัญยังมีการก่อสร้างบนสันปันน้ำเรียกได้ว่าเป็นที่พักทำเลหลักล้าน ในราคาหลักประกันข้าราชการกันเลยทีเดียว

“สำหรับพี่น้องคนล้านนา การก่อสร้างครั้งนี้ถือเป็น ขึดหลวง ที่จะสร้างความวินาศฉิบหายไม่ใช่แค่แก่คนทำ แต่มันหมายถึงกับคนเชียงใหม่จะเดือดร้อนกันไปหมด จึงต้องการการรับผิดชอบ และการรับผิดชอบเดียวก็คือ  รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไปรุกล้ำเขตป่าดอยสุเทพอย่างไม่มีเงื่อนไขจากนี้ทางเครือข่ายฯจะติดตามต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่ง หรือการกำหนดมาตรการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเราก็ยังคงมีการนัดรวมตัวกันอีกแน่นอน”

เป็นคำยืนยันจาก ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ซึ่งเพิ่งได้มีการประกาศนัดหมายเชิญชวนประชาชน ให้ออกมาร่วมแสดงพลังพร้อมกันกับเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2561 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ณ ข่วงประตูท่าแพ “ในฐานะที่เราเป็นประชาชน วันนี้เราจึงอยู่กับที่ไม่ได้ เมื่อการก่อสร้างครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหา ในฐานะคนเชียงใหม่ และคนไทย ก็เป็นหน้าที่ของที่จะต้องลุกขึ้นมาบอกว่าคุณกำลังสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมือง แน่นอนว่าสังคมไม่ได้ต้องการฮีโร่แต่ต้องการพวกเรา แต่ถ้าหากว่าทิศทางดี การรวมตัวครั้งนี้  ก็อาจจะเพื่อเป็นการขอบคุณที่ฟังเสียงประชาชนก็เป็นได้”

เหล่านี้คือชุดข้อความแสดงเจตจำนงค์ส่งท้ายของ ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ กับการเชิญชวนทุกคนออกมาร่วมแสดงพลังเคลื่อนไหว ในครั้งนี้ ซึ่งหากวัดกันในเชิงปริมาณ นับจากย่างก้าวแรกที่เริ่มมีจำนวนองค์กรเข้าร่วมกับเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพเพียง 16 องค์กร แต่จนถึงวันนี้ได้ขยับขยายกลายเป็น 42 องค์กรจากทั้งในและต่างพื้นที่  นับเป็นตัวชี้วัดด้านพัฒนาการการมีส่วนร่วมของประชาชนได้อย่างชัดเจน และแม้จะมีมติจากคณะกรรมการระดับจังหวัดเห็นควรให้ “รื้อถอน” แต่การต่อกรยังต้องคงจำเป็นต้องดำเนินต่อไป เพราะภารกิจทวงคืนพื้นที่ป่าแห่วงยังไม่จบ ประชาชนยังไม่ได้ต้นไม้ซักต้นคืนมา

ถ้าอาวุธของนักรบอักษรคือคีย์บอร์ด การนอนกอดตัวหนังสือหรือแสดงความคิดเห็นคงไม่เพียงพอต่อการเรียกร้องความเป็นธรรม และหากมีใครซักคนบันทึกถ้อยคำของผู้คนที่ออกมารวมตัวกันคัดค้านการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการ ตั้งแต่ในวันแรก จะได้ยินเสียงผู้คนบ่นเป็นระยะจนจับฝาจับตัวไม่ได้ว่าใครพูด ว่า

คนเปิ้นบ่ฮื้อยะ ก็ยังไปยะ คนบ่ฮื้ออยู่ก็ยังไปอยู่ ง่าว !

เรื่องโดย : นพพล ไม้พลวง