04 พฤศจิกายน 2024

ภารกิจเพื่อผู้ป่วย “กลุ่มคนดูแลผู้สูงอายุพิการ ติดเตียง จังหวัดร้อยเอ็ด”

: กับการดำเนินงาน 5 ตำบลนำร่อง โครงการจัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงและพิการ

ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไทยแอ็คร่วมกับคณะผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการจัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงและพิการในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้มีการทดลองจัดตั้งกลุ่มอาสาผู้อภิบาลในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ/พิการ ใน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านบาก, ตำบลหินกอง, ตำบลขวาว, ตำบลหนองแก้ว, ตำบลโหรา


โครงการนี้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาศักยภาพแกนนำผู้สูงอายุ ญาติ อาสาสมัครในชุมชน และผู้ปฏิบัติงานในองค์กรชุมชน องค์ภาคประชาสังคม ไม่น้อยกว่า 100 คน โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงรวมถึงคนพิการ พร้อมกันนั้นจะเสนอให้เป็นตัวอย่างการจัดบริการสาธารณะ เพื่อการพัฒนานโยบายระดับท้องถิ่นและจังหวัด ให้เกิดการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาเรื่องการดูแลผู้สูงอายุติดเตียง พิการ และบุคคลที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงแต่ยังตกหล่นจากการสำรวจ หรือยังเข้าไม่ถึงหลักประกันทางสุขภาพ

ประจักษ์ อาสาธง ประธานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด 

โดย ประจักษ์ อาสาธง  ประธานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด  ให้ข้อมูลภาพรวมว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ที่เราทดลองจัดบริการภายใต้โครงการนี้ ทำให้เห็นว่าสังคมสูงวัยไม่ใช่แค่ใกล้เข้ามา แต่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับเรา เพราะเราเริ่มต้นจากการสำรวจข้อมูลสภาพปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่พิการ จนเจอว่า มีผู้สูงอายุที่พิการ แต่ไม่มีบัตรคนพิการ เพราะยังรอการรับรองความพิการจากแพทย์ ผู้สูงอายุพิการที่ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ผู้สูงอายุที่พิการว่างงาน ผู้สูงอายุที่พิการมีฐานะครอบครัวยากจน รวมทั้งผู้สูงอายุป่วยติดเตียง ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมจาก 5 ตำบล สามารถแบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง จำนวน 135 คน และผู้สูงอายุที่มีความพิการ จำนวน 659 คน โดยตลอดระยะเวลาทดลองกว่า 1 ปีที่ผ่านมานั้น สามารถสรุปภาพรวมอย่างไม่เป็นทางการ จากวิธีรวบรวมผ่านการประชุมติดตามหนุนเสริมของสภาองค์กรชุมชน และสภาสาเกตนครได้ ว่าเรามีการซ่อมแซม ปรับปรุงที่พัก ที่อาศัยให้กลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 15 หลัง กมีผู้สูงอายุอย่างน้อย 63 รายได้รับการดูแลด้านสวัสดิภาพ อาหาร และการเยียวยาอันเนื่องมาจากความขาดแคลน มีการประสานส่งต่อผู้ป่วยจากชุมชนสู่ระบบสาธารณสุข โดยใช้รถฉุกเฉินในตำบลมากถึง 72 ครั้ง มีอาสาสมัครช่วยเฝ้าไข้ในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 15 ครั้ง รวมทั้งได้ลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมบ้าน ผู้อยู่ในข่ายต้องได้รับการดูแล 192 คน มากกว่า 2,304 ครั้ง”


ด้วยรูปธรรมการดำเนินการที่ประธานขบวนการองค์กรชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ดอ้างถึงนั้น จึงได้มีกิจกรรมชวนสื่อมวลชนร่วมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน ณ “บ้านรวมน้ำใจชุมชน” ตําบลหนองแก้ว อําเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีอดีตกำนัน ขนิษฐา นนท์พิทักษ์ เป็นผู้รับผิดชอบดูแล จากการร่วมปฏิบัติการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยพบว่า หน้าที่หลักของ กลุ่มอาสาผู้อภิบาลในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ/พิการ มีครอบคลุมทั้งช่วยเปลี่ยนสายปัสสาวะ พลิกตัว ทำแผล ช่วยดูแลสภาพแวดล้อม นอกจากนั้นยังทำหน้าที่รับ - ส่งไปโรงพยาบาล รวมถึงช่วยเฝ้าไข้ผู้สูงอายุในรายที่ไม่มีคนดูแล

แม้ภาคประชาสังคมจะมีการดำเนินงานให้เกิดความช่วยเหลือกันระหว่างประชาชน แต่ยังพบข้อสังเกตที่จะเป็นเหตุให้เกิดอุปสรรคอันเกิดจากนโยบายหลายประการ เช่น กรณีมีการนำร่องนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงของการทำงานให้ความช่วยเหลือส่งต่อด้วยรถฉุกเฉินนั้น ระเบียบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับอนุญาตให้ใช้รถฉุกเฉินเพื่อรับ – ส่งแค่เพียงภายในอำเภอ ไม่สามารถข้ามเขตได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเชื่อมประสานผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที รวมถึงนโยบายการสงเคราะห์ที่ไม่เพียงพอแม้ทั่วถึง ในกรณีแจกแพมเพิร์สฟรี 3 ชิ้น/คน ต่อวัน เพราะในความเป็นจริงความต้องการแพมเพิร์สที่ชุมชนพบ คือ 7 ชิ้น ต่อวัน


ในท้ายที่สุดของเรื่องนี้ ตัวแทนผู้ปฏิบัติงานโครงการจัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงและพิการในจังหวัดร้อยเอ็ด ของตำบลโหรา ได้ระบุในบางช่วงว่า “เราทำหน้าที่เติมเต็ม ไม่ใช่แข่งขัน เราเข้าใจบทบาทในการเป็นตัวเชื่อมประสานกับหน่วยงานรัฐ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาในกลุ่มผู้สูงอายุติดเตียงและคนพิการ แต่หลายครั้งพบว่ามีอุปสรรคเรื่องระเบียบ ข้อกำหนด ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่า รัฐไม่สามารถกำหนดนโยบายแบบเดียว ในการดูแลช่วยเหลือ หรือสนับสนุนคนเดือดร้อนในกลุ่มประชากรเดียวกันได้ และการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมทำงาน จะช่วยอุดช่องว่างของรัฐได้เป็นอย่างดี รวมถึงหากมีการเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชน ประชาสังคมมีบทบาทร่วมเสนอนโยบายตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับจังหวัด ก็จะเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้เดือดร้อนและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้จริง

เนื้อหาอื่นๆ

17 ธันวาคม 2019
11 กันยายน 2018
21 มีนาคม 2020

Copyright © 2013 THETHAIACT