เมื่อถนนไม่มีที่ให้สร้างแล้ว! เสียงสะท้อนที่ปลุกสุพรรณบุรี รองผู้ว่าฯจับมือภาคประชาสังคม ตั้งคณะทำงานปฏิรูปแผนพัฒนาจังหวัด One Plan เน้นลงทุนกับคนไม่ใช่แค่วัตถุ
จังหวัดสุพรรณบุรี ก้าวสู่อีกมิติของการพัฒนา เมื่อสถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) ร่วมกับภาคประชาสังคมจังหวัดสุพรรณบุรี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี (พมจ.สุพรรณบุรี) จัดเวทีปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งสำคัญ เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมหลวงทรงพล ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหนุนเสริมบทบาทภาคประชาสังคมในจังหวัดสุพรรณบุรีให้เข้ามามีส่วนร่วมดูแลสุขภาวะประชากรกลุ่มเปราะบางที่ภาครัฐมีข้อจำกัดในการดูแล ผ่านกลไกแผนพัฒนาจังหวัด (One Plan)
การประชุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 30 คน จาก 14 องค์กรภาคประชาสังคม พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี เครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดสุพรรณบุรี เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคจังหวัดสุพรรณบุรี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พร้อมตัวแทนจากกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เวทีดังกล่าวเปิดฉากขึ้นด้วยการนำเสนอทิศทางการทำงานของนักพัฒนาสังคม โดยนายเดช พุ่มคชา ที่ปรึกษาคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ซึ่งได้กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมทบทวนจิตวิญญาณและบทบาทของคนทำงานพัฒนาในบริบทของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเน้นย้ำถึงอัตลักษณ์ของสุพรรณบุรีในฐานะ “สวรรค์เสียงเหน่อ” และ “จังหวัดร่ำรวยโบราณบุรี” ที่หล่อหลอมให้คนสุพรรณมีความพร้อมในการเป็นประชาสังคมที่มีคุณภาพ
ขณะที่คนทำงานพัฒนา เป็นกลุ่มคนที่ไม่ใช่เพียงการสงเคราะห์ แต่เป็นการทำงานร่วมกันของ “พันธมิตรแห่งความหวัง” และได้ฝากหลักคิด “1 ล (เลิก) 5 ร (ร่วม รับ เรียน รุก รัก)” สำหรับนักพัฒนา เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมืออาชีพ บนพื้นฐานของความร่วมมือ การยอมรับ การเรียนรู้ การกล้ารุก และความรักในความจริง สุนทรียะ และเพื่อนมนุษย์ พร้อมทั้งตั้งคำถามทิ้งท้ายว่าสุพรรณบุรีจะเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาแบบมืออาชีพได้อย่างไร
จากนั้น นายวันชัย บุญประชา นายกสมาคมส่งเสริมภาคประชาสังคม (สสป.) ได้อำนวยกระบวนการทำความเข้าใจกลไกแผนพัฒนาจังหวัด (One Plan) ที่พยายามที่จะบูรณาการงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้ากับ “งบจังหวัด” เพื่อให้เกิดทิศทางการพัฒนาที่เป็นภาพรวมและสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่ โดยเน้นย้ำว่า “ประเทศนี้ไม่สามารถพัฒนาด้วยหน่วยงานรัฐเท่านั้นแล้ว ภาคประชาสังคมต้องเข้าไปทำงานในลักษณะของความร่วมมือและแบ่งเบาภาระของข้าราชการ”

เสียงสะท้อนจากพื้นที่: เมื่อแผนพัฒนาไม่ตอบโจทย์ชีวิต
นอกจากนั้น ตัวแทนภาคประชาสังคมกว่า 14 องค์กร ได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญที่ทำให้การพัฒนาไม่ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น
- แผนที่ไม่สะท้อนความจริง: แผนพัฒนามักถูกเขียนขึ้นโดยหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของชุมชน ประกอบกับข้อมูลที่ใช้วางแผน เช่น จปฐ. ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ปัญหาของคนเปราะบางถูกมองข้าม
- งบประมาณเน้นวัตถุมากกว่าคน: มีการตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณที่มุ่งเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, คูคลอง จนมีผู้กล่าวว่า “ถนนจะไม่มีที่จะเหลือให้สร้างแล้ว แต่การลงทุนกับคนมันสำคัญกว่า” ขณะที่โครงการพัฒนาศักยภาพคนมักถูกตีกลับจากระดับชาติเพราะถูกมองว่างบลงทุนน้อยเกินไป
- กลไกอำเภอคือ “คอขวด”: ผู้เข้าร่วมเห็นตรงกันว่ากลไกการจัดทำแผนระดับอำเภอ (ก.บ.อ.) เป็นปัญหาสำคัญที่สุด เนื่องจากเจ้าหน้าที่มักมีภาระงานมากและโยกย้ายบ่อย ทำให้แผนที่ส่งขึ้นมามีแต่มิติโครงสร้างพื้นฐาน ขาดมิติคุณภาพชีวิต
- ประชาชนขาดทักษะและเริ่มเบื่อหน่าย: ภาคประชาสังคมยอมรับว่ายังขาดทักษะการเขียนแผนอย่างเป็นระบบ ขณะที่ประชาชนเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการประชุมทำแผน เพราะ “ที่เสนอไปยังไม่เคยได้ทำเลย”
ในทางกลับกัน ภาคประชาสังคมสุพรรณบุรีได้นำเสนอต้นทุนและประสบการณ์ที่สำคัญ โดยเฉพาะการที่ภาคประชาสังคมได้รับการยอมรับมากขึ้นใน ก.บ.จ. (คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ) และได้ริเริ่มกำหนดทิศทาง “คุณภาพชีวิตคนสุพรรณบุรี” ที่ชัดเจนขึ้นใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่
- ที่อยู่อาศัยที่มั่นคง: ทุกครอบครัวมีบ้านที่เหมาะสมกับวัย
- สวัสดิการถ้วนหน้า: ทุกคนมีสวัสดิการที่ดี ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
- สุขภาพดี: โดยร่วมมือกับ สสส. และหน่วยงานสาธารณสุข
- การศึกษา: วางแผนระยะยาวเพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชน
- สิ่งแวดล้อม: พัฒนาระบบสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพ

จุดเปลี่ยน: เมื่อ “รองผู้ว่าฯ” ขอเป็นโซ่ข้อกลาง
ในช่วงบ่าย นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอจากภาคประชาสังคม และแสดงความเห็นชอบเป็นอย่างยิ่งกับการให้ภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมทำงานกับจังหวัด โดยยกตัวอย่างปัญหาสุขภาวะเร่งด่วนของเกษตรกรในสุพรรณบุรี ที่ 80 % พบสารเคมีในเลือด ซึ่งสะท้อนความจำเป็นของการวางแผนด้านสุขภาวะและคุณภาพชีวิตอย่างจริงจัง ภายหลังการแลกเปลี่ยน รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้เห็นชอบในหลักการและมีข้อสั่งการที่เป็นรูปธรรมทันที เพื่อปลดล็อกอุปสรรคที่ภาคประชาสังคมสะท้อนมาตลอดช่วงเช้า
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม: 3 ข้อสั่งการสู่อนาคตการพัฒนาสุพรรณบุรี
- เปิดพื้นที่ในทุกมิติ: เห็นชอบให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด (คลัสเตอร์) ทั้ง 5 ด้าน โดยให้ภาคประชาสังคมเสนอชื่อผู้แทนที่เหมาะสมเข้าร่วม เพื่อให้เสียงของประชาชนเข้าไปมีบทบาทในทุกมิติการพัฒนา
- ตั้งกลไกปฏิบัติการเฉพาะ: เห็นชอบให้จัดตั้ง “คณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตจังหวัดสุพรรณบุรี” ขึ้นมาเป็นการเฉพาะภายใต้คลัสเตอร์ด้านสังคม เพื่อเป็นกลไกปฏิบัติการ (Action Arm) ที่มีความคล่องตัวในการลงพื้นที่ รวบรวมข้อมูล และยกร่างแผนฯ ตามเป้าหมาย 5 ด้านที่ภาคประชาสังคมกำหนดทิศทางไว้ (ที่อยู่อาศัย, สวัสดิการถ้วนหน้า, สุขภาพ, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม)
- มอบหมายภารกิจชัดเจน: มอบหมายให้ พมจ.สุพรรณบุรี เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อคัดเลือกและรวบรวมรายชื่อผู้แทนเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อแต่งตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งรองผู้ว่าฯได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า “ขอเป็นโซ่ข้อกลางในการเชื่อมพื้นที่ ประชาสังคม และส่วนราชการ เพื่อให้การทำงานร่วมกันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ”

ขณะที่ นายวันชัย บุญประชา นายกสมาคมส่งเสริมภาคประชาสังคม ได้กล่าวปิดท้ายว่า การที่ราชการเปิดพื้นที่ให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ภาคประชาชนจะต้องพิสูจน์ตนเองในการเป็น “Smart Citizen” หรือ “หุ้นส่วนการพัฒนา” ที่มีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นตั้งใจจริง
การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดสุพรรณบุรีในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่เน้นคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการออกแบบอนาคตของจังหวัด